ยาไอซ์ ติดง่าย ออกฤทธิ์รุนแรง อันตรายถึงชีวิต

หากพูดถึงสถานการณ์ยาเสพติดในประเทศไทย เรียกได้ว่ายังคงน่าเป็นห่วง ถึงแม้จะมีมาตรการณ์การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจากทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน แต่การระบาดของยาเสพติดในประเทศไทยก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยลง

นอกจากยาบ้าที่มีสติถิสูงสุดเป็นอันดับ 1 แล้ว ยาเสพติดอีกชนิดที่ถูกจับกุมในปริมาณสูงเช่นเดียวกับยาบ้า ก็คือ ยาไอซ์ นั่นเอง

จากรายงานเรื่อง 

ยาเสพติดสังเคราะห์ในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปี 2566

 (Synthetic Drugs in East and Southeast Asia: latest developments and challenges 2023) จัดทำโดยสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime: UNODC) พบว่า ประเทศไทยมีสัดส่วนผู้ใช้ยาเสพติดสูงในช่วงอายุระหว่าง 12-24 ปี และยาไอซ์ยังคงเป็นหนึ่งในยาเสพติดยอดฮิตในหมู่วัยรุ่น

อย่างไรก็ตามพบว่า การจับกุมและยึดของกลางยาไอซ์มีปริมาณลดลงอย่างชัดเจน เหลือเพียงไม่ถึง 10 ตัน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบสี่ปี อีกทั้งราคาขายส่งต่อกิโลกรัมของยาไอซ์นับว่าถูกลงเป็นประวัติการณ์ แต่ในทางกลับกัน ราคาขายปลีกต่อกรัมกลับมีราคาสูงขึ้น

ถึงแม้ว่าปริมาณการจับกุมยาไอซ์จะลดลง แต่ก็ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ เนื่องจาก การที่ราคาค้าส่งต่ำลงย่อมทำให้ผู้ซื้อหรือผู้เสพสามารถซื้อยาได้ในปริมาณที่มากขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ ในรายงานยังพบว่า กลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติยังคงพยายามลักลอบขนส่งยาไอซ์จากรัฐฉาน ประเทศพม่า เข้าสู่ประเทศไทยตามภูมิภาคต่างๆอย่างต่อเนื่อง

รู้จักยาไอซ์กับภูฟ้าเรสท์โฮม

ยาไอซ์ หรือไอซ์ 

เป็นสารเสพติดชนิดกระตุ้นประสาทรูปแบบหนึ่งของเมทแอมเฟตามีน (Methamphetamine) หรือยาบ้า ชนิดที่เป็นสารบริสุทธิ์ มีลักษณะเป็นผลึกใสคล้ายก้อนน้ำแข็ง ออกฤทธิ์คล้ายกับยาบ้าแต่มีความรุนแรงและอันตรายกว่าหลายเท่า เนื่องจากมีความบริสุทธิ์สูงถึงเกือบ 100% โดยตามกฏหมายถูกจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522

ปัจจุบันมีชื่อเรียกที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็น ไอซ์ น้ำแข็ง ไฮ ไฮคูล คริสตัล กลาส เป็นต้น ซึ่งชื่อเรียกเหล่านี้ยังเป็นชื่อที่ใช้สำหรับการขายอย่างโจ่งแจ้งผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียเช่นกัน

ทั้งนี้วิธีการเสพยาไอซ์มีอยู่หลายวิธี โดยการออกฤทธิ์ของยาก็จะขึ้นอยู่กับวิธีการใช้ยาและปริมาณที่ใช้นั่นเอง

สำหรับวิธีการที่ผู้เสพนิยมใช้มากที่สุดคือการสูดไอระเหย ด้วยการนำผลึกตัวยาไปลนไฟให้เกิดการระเหิด แล้วสูดไอของผลึกเหล่านั้นเข้าปอดผ่านอุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายบ้องกัญชาหรือไปป์แก้ว ซึ่งการเสพด้วยการสูดไอระเหย ตัวยาจะออกฤทธิ์ภายใน 3-7 วินาทีเท่านั้น ถือเป็นวิธีการใช้ยาที่ออกฤทธิ์รุนแรงในระยะเวลาที่สั้นที่สุด

นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่นๆ อาทิ

การสูดดมให้เข้าจมูกโดยตรง เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมเช่นกัน โดยการบดผลึกตัวยาให้เป็นผงละเอียด และทำการสูดดมเข้าโพรงจมูกโดยตรง วิธีนี้ยาจะออกฤทธิ์ภายใน 3-5 นาที ไอซ์จะถูกดูดซึมเข้าสู่เนื้อเยื้ออ่อนในโพรงจมูก ทำให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้มอย่างรวดเร็ว

การฉีดยาเข้าเส้นเลือด ซึ่งยาจะออกฤทธิ์อย่างรวดเร็วภายใน 3-7 วินาทีเช่นเดียวกัน แต่เป็นวิธีที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ เนื่องจากหากใช้เข็มที่ไม่สะอาดหรือใช้เข็มร่วมกับผู้อื่น ย่อมเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคหรือโรคติอต่อ

การกินหรือกลืนยา ตัวยาจะออกฤทธิ์ภายใน 15-30 นาที

การสอดยาทางทวารหนัก วิธีนี้เป็นวิธีที่มักใช้ร่วมกับการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก โดยยาจะออกฤทธิ์ภายใน 15-30 นาที ซึ่งนับว่าเป็นวิธีที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้การออกฤทธิ์ของยาไอซ์ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆด้าน

1.ปริมาณการใช้ยา

2.ความถี่ในการใช้ยา

3.ลักษณะและรูปแบบของการใช้ยา

4.น้ำหนักตัวของผู้ใช้ยา

5.สุขภาพของผู้ใช้ยา ทั้งทางร่างกายและจิตใจ

ยาไอซ์มีประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ได้ยาวนานตั้งแต่ 5-12 ชม. และหากจะขับสารพิษจากยาไอซ์ออกจากร่างกาย พบว่าต้องใช้เวลาถึง 72 ชม. หรือ สามวัน จึงจะทำให้ร่างกายขับสารพิษจากยาไอซ์ได้อย่างหมดจด

สำหรับหลักทำงานของยาไอซ์จะเกิดขึ้นโดยที่ การออกฤทธิ์ของยาไอซ์จะไปกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลางโดยตรง และเพิ่มการทำงานของสารสื่อประสาท หรือ โดพามีน ที่มีบทบาทสำคัญต่อสภาวะทางอารมณ์และความสุขของมนุษย์ ซึ่งจะถูกปล่อยออกมาเมื่อมีการตอบสนองต่อความพึงพอใจ ทำให้ผู้ใช้ยาเกิดภาวะเคลิบเคลิ้ม ล่องลอย ยิ่งใช้ยาก็ยิ่งเสพติดต่อความรู้สึกดีๆเหล่านั้น ส่งผลให้มีการใช้ยาเป็นปริมาณมากขึ้น จนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้นั่นเอง

ขึ้นชื่อว่ายาเสพติดย่อมไม่ก่อให้เกิดผลดีแม้แต่น้อย การออกฤทธิ์ของยาไอซ์ส่งผลทั้งต่อร่างกายและจิตใจของผู้ใช้ยา โดยในช่วงแรกผู้ใช้ยาจะรู้สึกมีความสุข กระปรี้กระเปร่า ตื่นตัว แต่หากใช้อย่างต่อเนื่อง หรือใช้ในปริมาณมาก แน่นอนว่าจะส่งผลเสียรุนแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิต

ผลกระทบจากการใช้ยาในระยะสั้น

กระปรี้กระเปร่า ตื่นตัว

หายใจแรงและเร็ว

เวียนหัวตัวสั่น

กล้ามเนื้อกระตุก รูม่านตาขยาย

มีแรงจูงใจและมีความั่นใจในตัวเองมากขึ้น

มีความสุข เคลิบเคลิ้ม

ผลกระทบจากการใช้ยาในระยะยาว

เบื่ออาหาร น้ำหนักลด

สายตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัด

ไม่สามารถควบคุมการพูดได้

วิตกกังวล ย้ำคิดย้ำทำ

สับสน เพ้อคลั่ง

ไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมได้

มีอาการทางประสาท

เสพยาไอซ์รุนแรง เสี่ยงภาวะทางจิต ซึมเศร้า

เนื่องจากยาไอซ์จัดเป็นสารเสพติดชนิดกระตุ้นประสาทที่มีความบริสุทธิ์สูง มีความบริสุทธิ์สูง การเสพยาไอซ์จึงออกฤทธิ์รวดเร็วและรุนแรงแม้เสพเข้าสู่ร่างกายในปริมาณไม่มาก นอกจากนี้ฤทธิ์ของยาไอซ์ที่ส่งผลกระทบต่อสมองและประสาทโดยตรง เมื่อมีการเสพอย่างต่อเนื่องหรือเสพในปริมาณมาก ยาจะค่อยๆทำลายประสาทและสมองของผู้เสพ ทำให้ไม่สามารถควบคุมอารมณ์และความรู้สึกได้ อีกทั้งยังมีภาวะหวาดระแวง วิตกกังวล หูแว่ว เห็นภาพหลอน นอนไม่หลับ มีอาการทางจิต นำไปสู่ภาวะซึมเศร้าขั้นรุนแรงที่เป็นอันตรายถึงชีวิต

เลิกยาไอซ์ ถอนยาไอซ์ ทำได้จริงไหม

ขึ้นชื่อว่าเป็นยาเสพติดที่ติดง่าย ออกฤทธิ์เร็วและรุนแรง	ร่างกายและจิตใจของผู้เสพจะจดจำความรู้สึกที่ได้รับจากการเสพยา การเลิกยาหรือถอนยาจึงถือเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ติดยาเสพติด เพราะร่างกายจะต้องปรับตัวให้ชินกับการไม่ใช้ยา และรับมือกับปฏิกิริยาของร่างกายที่เกิดขึ้นหลังจากการหยุดยา

อาการถอนยาหรือ Withdrawal Symptom เป็นผลจากการหยุดใช้ยาหรือสารเสพติดอย่างกระทันหัน ลักษณะของอาการถอนยาที่มักพบได้แก่

ปวดหัว อ่อนเพลีย

หยุดหงิด กระสับกระส่าย

คลื่นไส้ อาเจียน

ซึมเศร้า จิตใจหดหู่

สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ 1-3 วันแรกหลังจากหยุดใช้ยา ซึ่งระยะเวลาของอาการนั้นขึ้นอยู่กับผู้ใช้ยาและปริมาณยาที่เคยใช้ บางรายอาจมีอาการถอนยาต่อเนื่องตั้งแต่หลายสัปดาห์หรือหลายเดือนก็เป็นได้

สำหรับการเลิกยาไอซ์ เนื่องจากเป็นยาที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อทั้งร่างกายและจิตใจ ดังนั้นการบำบัดหรือเลิกยาไอซ์จึงจำเป็นต้องทำควบคู่กันไปทั้งการบำบัดทางร่างกายและการบำบัดสุขภาพจิต

หากถามว่ายาไอซ์สามารถเลิกได้ด้วยตนเองหรือไม่ ย่อมขึ้นอยู่กับสภาวะทางร่างกายและจิตใจของแต่ละคน อีกทั้งเมทแอมเฟตามีนนับเป็นสารกระตุ้นประสาทที่ออกฤทธิ์โดยตรงต่อสมอง กระตุ้นให้สมองหลั่งโดพามีน หรือสารแห่งความสุขและความพึงพอใจ ที่ควรจะออกมาโดยธรรมชาติ กลับถูกหลั่งออกมาด้วยการใช้ยาเสพติด ดังนั้นการใช้ยาไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีนจึงทำให้สมองสูญเสียสมดุลในการทำงาน ไม่สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ การบำบัดผู้เสพติดยาไอซ์จึงไม่ใช่เพียงการเลิกยาเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยกระบวนการฟื้นฟูสภาพจิตใจด้วยเช่นกัน

สิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนมารับการรักษาที่ภูฟ้า

ยาไอซ์ หรือไอซ์ เป็นสารเสพติดชนิดกระตุ้นประสาทรูปแบบหนึ่งของเมทแอมเฟตามีน (Methamphetamine) หรือยาบ้า ชนิดที่เป็นสารบริสุทธิ์ มีลักษณะเป็นผลึกใสคล้ายก้อนน้ำแข็ง ออกฤทธิ์คล้ายกับยาบ้าแต่มีความรุนแรงและอันตรายกว่าหลายเท่า 